1. จงอธิบายแนวโน้มขอบเขตการสื่อสารในระบบอินเทอร์เน็ต
การใช้ดาวเทียมทำให้ทราบตำแหน่งของรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่บนถนน สุดขอบเขตการสื่อสารจะเป็นขอบเขตที่กว้างไกลที่สุด มีผู้ใช้และให้บริการมากที่สุดเช่นกันในบรรดาผู้ใช้ส่วนใหญ่จะไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นใคร
ดังนั้นระบบดังกล่าวจึงเป็นเขตแดนอันตรายสำหรับผู้ใช้ แต่ทุกๆ วันจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ แม้ว่าจะไม่มีกฏระเบียบการใช้ ผู้บุกเบิกที่มีความรับผิดชอบยอมรับกฎความจริงดังกล่าวและใช้ระบบต่อไปโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยโดยตรง
2. จงอธิบายแนวโน้มระบบสารสนเทศในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวกับข้องกับอินเทอร์เน็ต
1) การสร้างเสริมคุณภาพชีวิต
มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน นำมาควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น แนวคิดบ้านอัจฉริยะ ที่มีการควบคุมการทำงานของบ้านภายใน ผ่านระบบปฏิบัติการที่จะสั่งงานอุปกรณ์ที่อยู่ในบ้านได้ เช่น
1) การดูโทรทัศน์แบบสั่งได้ (ออน ดีมานด์) ควบคุมระดับเสียงของวิทยุให้นุ่มหู หรือเลือกที่จะเล่นเกมยามว่าง
2) ตู้เย็นสามารถตรวจเช็คได้ว่า ขณะนี้มีของอะไรอยู่ในตู้เย็นบ้าง และของเหล่านั้นถูกใช้ไปเท่าไรเช่น มีไข่ในตู้เย็น 10 ฟอง ถ้านำไข่ออก 2 ฟอง ระบบจะรายงานทันทีว่า มีไข่เหลือ 8 ฟอง ซึ่งหากต้องการสั่งซื้อของบเพิ่ม ก็สามารถซื้อผ่านตู้เย็นได้ทันที รวมทั้งขอสูตรการทำอาหารรสเด็ดต่างๆ ได้ด้วย
3) ห้องนอนสามารถควบคุมแสง ด้วยการสั่งผ่านเสียง เช่น ต้องการให้แสงภายในห้องมืดลงก็พูดสั่งได้เลย แสงภายในห้องก็จะลดความสว่างลงโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
4) การใช้กล้องวงจรปิด ปัจจุบันกล้องวงจรปิดได้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมาก เนื่องมาจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์, โทรทัศน์, อินเทอร์เน็ต ฯลฯ ซึ่งเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นส่วนถูกบันทึกโดยกล้องวงจรปิด เลยทำให้่ผู้คนหันมาติดกล้องวงจรปิดกันมากขึ้น โดยกล้องวงจรปิดที่อยู่ตามอาคาร ทางเข้า หรือที่สาธารณะต่างๆ ก็เพื่อจุดประสงค์ทางด้านการรักษาความปลอดภัย ซึ่งกล้องวงจรปิดเหล่านี้ จะมีความสามารถในการเก็บภาพเป็นจำนวนมากมายหลายเฟรมต่อเนื่องกัน เพื่อมาเก็บไว้ที่เครื่องบันทึกวิดีโอ ทั้งยังสามารถดูผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ หากเราเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อเปิดดูเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่บ้าน
5) การใช้ GPS นำทาง เครื่องรับสัญญาณ GPS รับสัญญาณ GPS ในเครื่องตัวโปรแกรม ที่ได้ติดตั้งไว้ในเครื่องรับสัญญาณจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันบนแผนที่ที่ถูกติดตั้งไว้ภายในเครื่องแล้วเช่นกัน แผนที่สาหรับการนาทางจะเป็นแผนที่ชนิดพิเศษที่มีการกำหนดทิศทางการจราจร เช่น การ จราจรแบบชิดซ้ายหรือชิดขวา ข้อมูลการเดินรถทางเดียว สถานที่สำคัญ และข้อมูลทางภูมิศาสตร์ต่างๆ ฝังไว้ในข้อมูลแผนที่นั้นแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ได้จากการสำรวจและตั้งค่าไว้โดยบริษัทหรือองค์กร ที่ผลิตแผนที่ฐานนั้นๆ ในแต่ละทางแยกก็จะมีการกำหนดค่าเอาไว้ด้วยเช่นกันเพื่อให้ตัวโปรแกรมสามารถเลือกการเชื่อมต่อของเส้นทางจนถึงจุดหมายที่ได้กำหนดไว้
1) การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (Distance Learning) เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 20 เพื่อสนองความต้องการของสังคมปัจจุบันซึ่งเป็นสังคมข่าวสาร หรือสังคมของการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม เป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาไปสู่บุคคลกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการศึกษาตลอดชีวิต ที่บุคคลสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง
3) การรักษาโรคทางไกล (Telemedicine)
การทำ remote monitoring ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Telemedicine ช่วยให้การ monitor หรือการตรวจสังเกตุติดตามอาการคนไข้หรือคนแก่ ทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลา เช่นติดตั้งกล้องวงจรปิดที่สามารถส่งภาพมายังโทรศัพท์มือถือผ่านทางอินเทอร์เน็ต ให้คอยติดตามดูอาการของคนไข้หรือคนชราที่อยู่บ้านคนเดียวได้ตลอดเวลา แม้ลูกหลานจะอยู่นอกบ้าน หรือการติด sensor ไว้ที่คนไข้เพื่อให้ส่งสัญญาณการติดตามอาการ หรือส่งสัญญาณเตือนหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นมายังคอมพิวเตอร์หรือมือถือ หรือ Tablet ของผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการของคนไข้เป็นต้น
ในสถานศึกษามีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนการสอน เช่น วิดีทัศน์ เครื่องฉายภาพ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คำนวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทำรายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษามากขึ้น
ผลกระทบด้านลบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
นับตั้งแต่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทมากในชีวิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยีเป็นไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งหมายถึงการใช้เทคโนโลยีไปในด้านต่างๆ ซึ่งแน่นอนที่ทุกสิ่งย่อมมีทั้งคุณและโทษ ภาพยนตร์หลายเรื่องได้สะท้อนความคิดของการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในทางลบ ผลกระทบในทางลบเหล่านี้บางอย่างเป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่อย่างไรก็ตามย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้
ผลกระทบในทางลบของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังนี้
1) ทำให้เกิดอาชญากรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหนทางในการก่ออาชญากรรมได้ โจรผู้ร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการวางแผนปล้น วางแผนโจรกรรม มีการลักลอบใช้ข้อมูลข่าวสาร มีการโจรกรรมหรือแก้ไขตัวเลขบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ การลอบเข้าไปแก้ไขข้อมูลอาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น การแก้ไขระดับคะแนนของนักศึกษา การแก้ไขข้อมูลในโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาพยาบาลคนไข้ผิด ซึ่งเป็นการทำร้ายหรือฆาตกรรมดังที่เห็นในภาพยนตร์
2) ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว การใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นเกมมีลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง ผลกระทบนี้ทำให้มีความเชื่อว่า มนุษยสัมพันธ์ของบุคคลจะน้อยลง สังคมใหม่จะเป็นสังคมที่ไม่ต้องพึ่งพากันมาก อย่างไรก็ดีได้มีงานวิจัยคัดค้านและแสดงความคิดเห็นที่ว่าเทคโนโลยีได้ช่วยให้มนุษย์มีการติดต่อสื่อสารถึงกันมากขึ้นและความสัมพันธ์ดีขึ้น
3) ทำให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความวิตกกังวลว่า คอมพิวเตอร์อาจทำให้เกิดการว่าจ้างงานน้อยลง มีการนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในงานมากขึ้น มีระบบการผลิตที่อัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้แรงงานอาจตกงาน หรือหน่วยงานอาจเลิกว่าจ้างได้ โดยความจริงแล้วความคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับบุคลากรบางกลุ่มเท่านั้น แต่ถ้าบุคคลนั้นมีการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี หรือมีการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถสูงขึ้นแล้วปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น
4) ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุรกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล เช่น ข้อมูลลูกหนี้การค้า ข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ หากเกิดการสูญหายของข้อมูล อันเนื่องมาจากเหตุอุบัติภัย เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือด้วยสาเหตุใดก็ตามที่ทำให้ข้อมูลหายหมด ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง
5) ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง ประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี สามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสงครามและมีการสูญเสียมากขึ้น
6) ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด การนำมาใช้ในทางใดจึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้ จริยธรรมการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องสำคัญ ดังเช่นการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีผู้สร้างโฮมเพจหรือสร้างข้อมูลข่าวสารในเรื่องภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น ภาพอนาจาร หรือภาพที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย การดำเนินการเช่นนี้ย่อมขึ้นอยู่กับจริยธรรมของผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีการปลอมแปลงระบบจดหมาย เพื่อส่งจดหมายถึงผู้อื่นโดยมีเจตนากระจายข่าวที่เป็นเท็จ จริยธรรมการใช้งานเครือข่ายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปลูกฝังอย่างมาก
7) ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนามาก ข้อมูลก็มีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย เทคโนโลยีทำให้ข้อมูลถูกทำลายได้ง่าย อาจจะถูกทำลายด้วยไวรัสคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่สามารถทำสำเนาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ สามารถแพร่ไปยังระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์บางชนิดทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลต่างๆ บางชนิดทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง ผลกระทบต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์และจุดประสงค์ของผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น ว่าต้องการให้โปรแกรมทำงานอย่างไร ทั้งนี้เราก็ควรจะปลูกฝังให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดี ไม่ให้ทำลายข้อมูลผู้อื่น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้
8) จริยธรรมของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต เนื่องจากในโลกของการติดต่อสื่อสารที่ไร้พรมแดนอาจทำให้ข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับมีเนื้อหาทั้งเหมาะสมและไม่เหมาะสม บ่อยครั้งที่การส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ซึ่งอาจทำให้บุคคลที่สามเกิดความเสียหายได้ หรือแม้กระทั่งเนื้อหาของสารสนเทศที่ปรากฏอยู่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม มิให้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันกลไกของรัฐกำลังพยายามเข้าไปจัดการกับปัญหาดังกล่าวแต่ก็มีข้อจำกัดในหลายๆ ประการที่ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ทั้งหมด ทางออกของการแก้ไขปัญหาดูเสมือนหนึ่งว่าจะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับประเด็นทางจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสร้างสรรค์มากกว่าเพื่อการทำลาย ดังนั้นการปลูกฝังจิตสำนึกในเรื่องทางจริยธรรมคงจะเป็นสิ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ในระยะยาว
ปัญหาที่พบในปัจจุบัน คือ
8.1 การแพร่ระบาดของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมมีจำนวนมากขึ้น อาทิ เว็บไซต์ลามกอนาจาร เว็บไซต์บริการทางเพศ เว็บไซต์เกี่ยวกับการพนัน เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับยาเสพติดเว็บไซต์ที่ขายของผิดกฎหมายหรือละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบอย่างทั่วถึงเป็นไปได้ยาก
8.2 เว็บแคม (webcam) หรือ เว็บแคเมรา (web camera) เป็นกล้องที่ส่งสัญญาณภาพผ่านทางคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยที่แต่ละฝ่ายสามารถเห็นภาพกันและกันขณะพูดคุย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการประชุมออนไลน์ แต่ขณะเดียวกัน เว็บแคมก็เป็นสื่อที่ใช้ในการชมและถ่ายทอดกิจกรรมทางเพศ หรือแสดงลามกทางอินเทอร์เน็ตที่เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น
8.4 การแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้าไปสร้างความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์ อาทิ รบกวนการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายทำงานช้าลง ติดตั้งโปรแกรมที่เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์
3. จงอธิบายทิศทางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต
การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มี ความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไป ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในปัจจุบันมนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยชนะข้อจำกัดทางด้านเวลาและสถานที่ ซึ่งการพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น มีแนวโน้มไปในทิศทางของการสื่อสารรับส่งข้อมูลได้ในทุกที่และทุกเวลา ระบบเครือข่ายการติดต่อสื่อสารที่ไม่จำกัดแค่เพียงเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สามารถติดต่อผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกรูปแบบ และการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ประกอบกับการทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติและกลายเป็นสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ในที่สุด ดังจะเห็นได้จาก แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังต่อไปนี้
ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous Technology)
ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous Technology) เป็นแนวคิดของการเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบเครือข่ายได้ในทุกที่ ทุกเวลา โดยเป็นการพัฒนาที่รวมเอา เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการควบคุมและเทคโนโลยีการสื่อสารเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสาร ควบคุม และทำกิจกรรมต่างๆได้ทุกที่ทุกเวลา โดยจะผลักดันให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ กล่าวคือ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง ตลอดเวลาและสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ณ สถานที่แห่งนั้นได้เหมือนเป็นคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ซึ่งชิป(Chip)ของคอมพิวเตอร์จะถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้สามารถควบคุมสิ่งต่างๆผ่านระบบเครือข่ายได้ ซึ่ง ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous Technology) มีจุดเด่น 3 ประการ คือ
- คอมพิวเตอร์มีการเชื่อมต่อกันเป็นระบบเครือข่าย
- ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่ ตัวอย่างเช่น สร้างสภาพแวดล้อมที่มีคอมพิวเตอร์ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆและทำงานเมื่อผู้ใช้เปล่งเสียง เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้คีบอร์ด(Keyboard)หรือเมาส์(Mouse)ในการป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์
- การบริการคอมพิวเตอร์ที่มีให้เลือกจะเปลี่ยนไปตามผู้ใช้, สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอุปกรณ์ที่มีอยู่ในที่นั้น
นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology)
นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology) หรือเทคโนโลยีซุปเปอร์จิ๋ว หมายถึง เทคโนโลยีทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับระดับนาโนเมตร (nm) หรือหนึ่งในพันล้านเมตร โดยทั่วไปเป็นที่เข้าใจกันว่า นาโนเทคโนโลยีจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มีขนาดในช่วง 0.1 ถึง 100 นาโนเมตร และหากจะเปรียบเทียบขนาดของวัตถุชิ้นเล็กๆที่เรารู้จัก เช่น เส้นผม ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ไมโครเมตร จะเท่ากับ 10,000 นาโนเมตร นั่นเอง ซึ่งจากตัวอย่างดังกล่าวจะเห็นได้ว่า นาโนเทคโนโลยี เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มีขนาดเล็กมาก ถือเป็นเทคโนโลยีระดับโมเลกุล (Molecular Technology) กล่าวคือ เป็นเทคโนโลยีที่จัดการหรือผลิตสิ่งต่างๆโดยการนำเอาอะตอมหรือโมเลกุลมาจัดเรียงกัน ณ ตำแหน่งที่ต้องการอย่างแม่นยำและถูกต้องในระดับนาโนเมตร ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ การพัฒนานาโนเทคโนโลยีนั้นยังมีการพัฒนาระบบสารสนเทศขึ้นในนามของ “นาโนคอมพิวเตอร์” (Nanocomputer) ซึ่งถือเป็นส่วนของสมองที่ทำการควบคุมเครื่องจักรกลที่ถูกสร้างขึ้นด้วยนาโนเทคโนโลยี
จะเห็นได้ว่า นาโนเทคโนโลยี ช่วยแก้ไขปัญหาด้านการขาดความแม่นยำและความบกพร่องของอุตสาหกรรมการผลิตไมโครชิป ด้วยเทคโนโลยีแบบหยาบ(Bulk technology) ที่พบในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้
ระบบทางด่วนข้อมูล (Information Superhighway)
ระบบทางด่วนข้อมูล (Information Superhighway) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถส่งผ่านข้อมูลในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว ได้อย่างรวดเร็วและในปริมาณมาก ผ่านระบบเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งทำให้สิ่งที่เรียกว่า การสื่อสารไร้พรมแดน หรือ โลกไร้พรมแดน เกิดเป็นจริงขึ้นมา และเทคโนโลยีระบบทางด่วนข้อมูลนี้จะช่วยให้ทุกๆคนสามารถเข้ามาใช้บริการ หรือให้บริการในลักษณะทันทีทันใด โดยระบบจะทำงานได้ดีเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศ (Information Infrastructures) ที่วางไว้ในแต่ละพื้นที่ว่ามีความสามารถในการรองรับข้อมูลได้ในปริมาณมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างของการใช้งานผ่านระบบทางด่วนข้อมูล ได้แก่ การสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Internet) การประชุมทางไกล(Video Conference) บริการวีดีโอออนดีมานด์ (Video-On-Demand) เป็นต้น
จากแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีทั้ง 3 อย่าง ดังที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่า การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นมุ่งให้ความสะดวกกับผู้ใช้เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ส่งผลให้มนุษย์อยู่ใกล้กับเทคโนโลยีมากขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านเวลาและสถานที่ และทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตในที่สุด
แนวโน้มในด้านบวก
• การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์
• การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง
• การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้
• การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library)
• การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
• การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen
แนวโน้มในด้านลบ
• ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา
• การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ
• การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์
4. จงอธิบายทิศทางการผสมผสานระหว่างมนุษย์,คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence)
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI : Artificial Intelligence เป็นศาสตร์ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่เน้นการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถ คิด คำนวณ ปฏิบัติการ และแสดงการกระทำต่างๆได้เหมือนมนุษย์ การศึกษาในเรื่องของ AI ประกอบด้วย 4 สาขา ดังนี้
- ศาสตร์ด้านหุ่นยนต์
- ภาษาธรรมชาติ
- ระบบผู้เชี่ยวชาญ
- ความสามารถในการจำลองประสาทสัมผัสของมนุษย์
อ้างอิงจาก
http://www.hrtothai.com/Articles/Index/997
http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/tech03/29/con1_2.html